Xiaomi เปิดตัว Mi Band 5 สมาร์ทแบนด์รุ่นยอดนิยมรุ่นใหม่ล่าสุดที่มีการอัปเกรดและเพิ่มฟีเจอร์ต่างๆ เข้ามา มาดูกันว่ามีจุดที่แตกต่างจาก Mi Band 4 อย่างไรบ้าง
หน้าจอใหญ่ขึ้น สู้แสงได้ดีขึ้น
หน้าจอของ Mi Band 5 ใช้หน้าจอ AMOLED ขนาด 1.1 นิ้ว ใหญ่กว่า Mi Band 4 ที่มีขนาด 0.95 นิ้ว และปรับปรุงให้มีความสว่างมากขึ้น สามารถใช้งานกลางแจ้งได้ดีกว่าเดิม

ชาร์จไฟสะดวกกว่าเดิมด้วยที่ชาร์จแม่เหล็ก
อีกจุดเปลี่ยนสำคัญคือการชาร์จไฟที่จากของเดิมต้องถอดตัวแบนด์ออกจากสายมาเสียบกับ Dock รุ่นใหม่ได้เปลี่ยนวิธีการชาร์จไฟเป็นการใช้ที่ชาร์จแม่เหล็ก สามารถติดกับด้านหลังแบนด์ได้เลยโดยไม่ต้องถอดออกจากสายก่อน
โหมดออกกำลังกายที่มากขึ้น
Mi Band 4 มีโหมดออกกำลังกายถึง 11 โหมด เพิ่มจากของเดิมที่มี 6 โหมด โดยโหมดที่เพิ่มขึ้นมีดังนี้
- Elliptical
- Rowing machine
- Jump rope
- Indoor cycling
- Yoga

ติดตามการนอนได้ละเอียดขึ้น
ทั้งสองรุ่นสามารถติดตามการนอนได้อย่างอัตโนมัติ แต่ Mi Band 5 ได้รับการอัปเกรดให้สามารถตรวจจับการนอนช่วง R.E.M. Sleep ทำให้สามารถติดตามการนอนและนำข้อมูลมาวิเคราะห์ได้อย่างละเอียดขึ้น
ติดตามสุขภาพด้ย PAI Index
PAI Index เป็นหนึ่งในวิธีการประเมินสุขภาพ โดยหากเราทำให้ PAI เกิน 100 ได้ทุกวันจะทำให้อายุยืนยาวขึ้น ซึ่งค่า PAI จะขึ้นเกิดจากการออกกำลังกายของเรานี่เอง
มี Barometer
Mi Band 5 มีการเพิ่มอุปกรณ์ Barometer เข้ามา สำหรับวัดความดันอากาศได้
วัดความเครียดได้
Mi Band 5 เพิ่มฟีเจอร์วัดความเครียด พร้อมมีแบบฝึกหัดการหายใจช่วยผ่อนคลาย

ติดตามรอบเดือน
อีกฟีเจอร์ด้านสุขภาพที่เพิ่มเข้ามาคือความสามารถในการติดตามรอบเดือนของคุณผู้หญิงได้ด้วย
ใช้เป็นชัตเตอร์กล้องสำหรับมือถือ
โดยสามารถใช้กับมือถือได้ทุกรุ่น สามารถกดถ่ายภาพผ่านหน้าจอของแบนด์ได้เลย
แบตเตอรี่ลดลง
จากของเก่าที่โฆษณาว่าสามารถใช้งานได้ต่อเนื่องสูงสุด 20 วัน รุ่นใหม่ลดเหลือ 14 วันตามฟีเจอร์ที่เพิ่มขึ้น
