ใครที่ได้ดู The Conjuring : The Devil Made Me Do It หรือ The Conjuring 3 ก็คงทราบกันดีว่าในภาคนี้มีการสร้างมาจากเรื่องจริงจากแฟ้มบันทึกคดีเรื่องเหนือธรรมชาติของ “เอ็ด และลอร์เรน วอร์เรน” (Ed Lorraine Warren) คู่สามีภรรยานักปีศาจวิทยาชื่อดังชาวอเมริกัน
โดยมีเคสหนึ่งซึ่งเป็นคดีดังและได้รับความสนใจไปทั่วโลก มีชื่อว่า “Devil Made Me Do It Case” นอกจากจะเป็นคดีฆาตรกรรมครั้งแรกของรัฐคอนเนตติคัต สหรัฐอเมริกาแล้ว ผู้ต้องหาไม่เพียงแต่ไม่ยอมรับ แต่เขายังยืนกรานและให้การปฏิเสธข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา โดยเขาอ้างว่า “ปีศาจเป็นคนสั่งให้ผมทำ” แค่เริ่มก็น่าสนใจแล้วใช่ไหมล่ะคะ วันนี้เราจะพาทุกคนมาเจาะลึกไปกับคดีครั้งประวัติศาสตร์ไปด้วยกัน ถ้าพร้อมแล้วมาเริ่มกันเลยค่ะ
ชื่อ Episode : Where Demons Dwell ร่วมกับ เด็บบี้ (Debbie Glatzel) และ อาร์นนี่ (Arne Johnson)
ในแฟ้มบันทึกคดีเรื่องเหนือธรรมชาติของเอ็ดและลอร์เรน วอร์เรน มีคดีหนึ่งชื่อว่าคดี “Devil Made Me Do It Case” โดยคดีนั้นมีหลักฐานกล่าวอ้างว่า อาร์นนี่ จอห์นสัน (Arne Cheyenne Johnson) และแฟนสาวของเขา เด็บบี้ แกลตเซล (Debbie Glatzel) ให้ข้อมูลที่ตรงกันว่าน้องชายของเธอ เดวิด แกลตเซล (David Glatzel) ซึ่งมีอายุเพียงไม่กี่ปีในขณะนั้นได้ถูกปีศาจเล่นงานเข้าอย่างจัง หลังจากที่ครอบครัวแกลตเซลย้ายเข้ามาเช่าบ้านหลังใหม่ โดยเดวิดอ้างว่าเขาถูกชายชราคนหนึ่งผู้ซึ่งมีท่าทางน่ากลัวได้ผลักเขาล้มลงกับพื้น ชายชราคนนั้นสบถสาบานว่าจะทำร้ายครอบครัวเกรตเซลหากพวกเขาย้ายเข้ามาอยู่ในบ้านหลังนี้

Born: August 13, 1968 Birthplace: USA
ขอขอบคุณภาพจาก : historyvshollywood
ในตอนแรก พวกเขาไม่เชื่อว่าเดวิดถูกปีศาจเล่นงาน พวกเขาคิดว่าเดวิดเพียงแค่หาข้ออ้างไม่อยากช่วยทำความสะอาดและขนย้ายของเข้าบ้านตามประสาเด็ก ๆ เท่านั้น แต่เดวิดยังคงอ้างว่าเขาได้พบเห็นชายชราและปีศาจปรากฎกายอยู่ในบ้าน มันมักจะส่งเสียงพึมพำชวนขนลุกเป็นภาษาละติน และขู่ว่าจะเอาวิญญาณของเดวิดไป โดยอาร์นนี่และเด็บบี้อ้างว่าเรื่องนี้มีเพียงบิดาของเธอเท่านั้นที่เชื่อ (แม้ว่าในเวลาหลายปีต่อมาจะเกิดคดีความกับผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด รวมถึงกับพวกวอร์เรน และบิดาของเดวิดจะออกมาอ้างว่าไม่เป็นความจริง) ภายหลังจากนั้น ทั้งครอบครัวก็เริ่มได้ยินเสียงแปลก ๆ ดังมาจากห้องใต้หลังคา แต่ทว่าไม่เคยมีใครพบเห็นชายชราหรือปีศาจตนนั้นนอกจากเดวิด

เดวิดมักจะต้องพบเจอกับเหตุการณ์หลอน ๆ ในตอนกลางคืน เขามักจะแสดงพฤติกรรมแปลก ๆ อย่าง การกรีดร้องด้วยเสียงที่ไม่ใช่เสียงของเขาเอง ชวนให้คนในครอบครัวที่ได้ยินต้องหวาดกลัวและตกใจ เขามักจะมีรอยข่วนและรอยฟกช้ำอย่างไม่ทราบสาเหตุ จนครอบครัวแกลตเซลต้องให้บาทหลวงมาสวดให้กับบ้านหลังนี้ แต่บ้านหลังนี้มีความชั่วร้ายเกินกว่าที่ใครจะรับไหว จนครอบครัวแกลตเซลคิดว่าพวกเขาไม่สามารถทนอยู่ในบ้านหลังนี้ได้อีกต่อไป
หลังจากที่ครอบครัวแกลตเซลเข้ามาเช่าอาศัยอยู่ที่บ้านหลังนี้ได้ 12 วัน เดวิดก็ยิ่งมีอาการแย่ลงเรื่อย ๆ จนครอบครัวของเขาต้องให้ เอ็ดและลอร์เรน วอร์เรน นักปีศาจวิทยาชื่อดังเข้ามาช่วยพวกเขาจากเหตุการณ์สุดหลอนนี้ ลอร์เรนกล่าวว่าเธอได้เห็นหมอกควันสีดำปกคลุมข้าง ๆ เดวิด บ่งบอกถึงการมาที่มุ่งร้าย เด็บบี้และแม่ของเธอบอกพวกวอร์เรนว่าพวกเขาเห็นเดวิดถูกบีบคอด้วยมือที่มองไม่เห็น และรอยแดงก็ปรากฎขึ้นที่คอของเขาภายหลังจากนั้น

ขณะถูกทำพิธีไล่ผี โดยเด็กน้อยเดวิดได้กอดคุณแม่ของเขาไว้
ขอขอบคุณภาพจาก : historyvshollywood
ในเวลาต่อมาเดวิดก็เริ่มคำราม เปล่งเสียงร้อง พูดด้วยเสียงที่ไม่ใช่เสียงของเขา และท่องข้อความจากพระคัมภีร์ไบเบิ้ล ลอร์เรนยืนยันว่าเธอเห็นเดวิดลอยได้ และยังแสดงให้เห็นถึงการที่เดวิดสามารถล่วงรู้เหตุการณ์ล่วงหน้าโดยเฉพาะเรื่องที่อาร์นนี่ จอห์นสัน กำลังจะก่อเหตุฆาตรกรรมอย่างน่าสยดสยองในเดือน ตุลาคม ค.ศ. 1981 เอ็ดและลอร์เรน วอร์เรนจึงได้ติดต่อตำรวจ Brookfield เพื่อเตือนพวกเขาว่าสถานการณ์กำลังตกอยู่ในอันตราย
ครอบครัวแกลตเซลไม่เป็นอันกินอันนอนเพราะห่วงเดวิดจับใจ เขาเป็นเพียงเด็กชายตัวเล็ก ๆ เท่านั้น ในวันหนึ่งขณะที่เอ็ดและลอร์เรน วอร์เรน กำลังทำพิธีไล่ผีอยู่ที่บ้านของครอบครัวแกลตเซล เดวิดก็กำลังถูกเล่นงานหนักมากเสียจนเด็กชายตัวเล็ก ๆ ไม่น่าจะรับไหว อาร์นนี่จึงบอกกับปีศาจที่กำลังทรมานเดวิดอยู่ว่าให้เอาวิญญาณของเขาไปแทน
อาร์นนี่อ้างว่าเขาถูกปีศาจควมคุมรถของเขาให้ขับพุ่งชนต้นไม้ แต่โชคดีที่เขาไม่ได้รับอันตรายจากเหตุการณ์นี้ อาร์นนี่กลับไปที่บ้านของครอบครัวแกลตเซลเพื่อไปตรวจสอบที่บ่อน้ำเก่า เพราะคาดว่าน่าจะเป็นที่อยู่ของปีศาจ เขาได้พบและสบตากับปีศาจร้ายตนนั้น หลังจากนั้นเขาก็ถูกปีศาจเข้าสิง เขาอ้างว่านี่เป็นครั้งแรกและครั้งสุดท้ายที่เขาได้เห็นปีศาจอย่างชัดเจน เอ็ดและลอร์เรน วอร์เรนอ้างว่าเคยได้เตือนอาร์นนี่แล้วว่าไม่ให้กระทำเช่นนี้
อาการของเดวิดยังคงแย่ลงไปอีก อาร์นนี่และเด็บบี้จึงตัดสินใจย้ายออกจากบ้านไปยัง Brookfield และในตอนนั้นเอง เด็บบี้ได้รับการว่าจ้างจาก Alan Bono ผู้ซึ่งเป็นทั้งเจ้าของอะพาร์ตเมนต์และนายจ้างคนใหม่ โดยเขาให้เธอมาเป็นผู้ดูแลสุนัขที่คอกสุนัขในอะพาร์ตเมนต์ ทั้งสองจึงได้เช่าอะพาร์ตเมนต์ใกล้กับที่ทำงานของอาร์นนี่ หลังจากย้ายเข้ามาที่อะพาร์ตเมนต์ใหม่ อาร์นนี่เริ่มแสดงพฤติกรรมแปลก ๆ ซึ่งคล้ายกับพฤติกรรมของเดวิดเป็นอย่างมาก โดยเขามักจะมีภาวะมึนงง ขู่คำราม และเห็นภาพหลอน แต่พอได้สติกลับคืนมา เขากลับจำอะไรไม่ได้เลย ทำให้เด็บบี้กลัวว่าอาร์นนี่จะกลายเป็นอีกคนที่ถูกปีศาจเข้าครอบงำเช่นเดียวกับเดวิดน้องชายของเธอ

ขอขอบคุณภาพจาก : halloweenyearround
16 กุมภาพันธ์ ค.ศ.1981 ในวันนั้นอาร์นนี่มีอาการป่วย เขาจึงโทรไปลางานกับ Wright Tree Service ที่ทำงานของเขา หลังจากนั้นเขาก็ไปหาเด็บบี้ที่ทำงานของเธอ พร้อมด้วยวันด้า พี่สาวของเขา และแมร์รี่ ลูกพี่ลูกน้องวัย 9 ขวบของเด็บบี้ ในตอนนั้นเอง อลัน เจ้าของอะพาร์ตเมนต์ของทั้งคู่ก็ได้ซื้ออาหารกลางวันและเครื่องดื่มมากมายมากินกับพวกเขา พวกเขาดื่มด้วยกันหนักมาก หลังเสร็จสิ้นมื้อกลางวัน เด็บบี้ก็พาสาว ๆ ไปกินพิซซ่า เมื่อพวกเธอกลับมาก็ต้องพบกับสถานการณ์ที่น่าตกใจ เมื่ออลันได้ยึดตัวแมร์รี่ เด็กหญิงวัย 9 ขวบไว้และไม่ยอมปล่อย อาร์นนี่จึงรีบมุ่งหน้ากลับไปยังอะพาร์ตเมนต์และสั่งให้อลันปล่อยแมร์รี่
สถานการณ์ต่อจากนี้วันด้าผู้เป็นพี่สาวแท้ ๆ ของอาร์นนี่เป็นผู้เล่าให้ตำรวจฟังด้วยตนเองว่า แมร์รี่วิ่งหนีไปที่รถ ขณะที่เด็บบี้พยายามบรรเทาสถานการณ์ด้วยการยืนอยู่ระหว่างชายสองคน วันด้าพยายามดึงอาร์นนี่ออกมาแต่ก็ไร้ผล อาร์นนี่ขู่คำรามราวกับสัตว์ป่า และดึงมีดพกขนาด 5 นิ้ว (13 ซม.) ของเขา ออกมาแทงอลันซ้ำแล้วซ้ำเล่า เป็นเหตุให้อลันเสียชีวิตในอีกหลายชั่วโมงต่อมา ทนายของอาร์นนี่กล่าวว่าอลันได้รับบาดแผลขนาดใหญ่ราว 4-5 จุด ส่วนใหญ่อยู่ที่หน้าอกของเขา และอีกหนึ่งแผลที่ยาวจากหน้าท้องของเขาไปถึงฐานของหัวใจ
อาร์นนี่ถูกพบตัวห่างจากที่เกิดเหตุ 2 ไมล์ (3.2 กม.) เขาถูกควบคุมตัวไปที่ศูนย์ราชทัณฑ์บริดจ์พอร์ตด้วยเงินประกัน 125,000 ดอลล่าร์สหรัฐ นี่ถือเป็นการฆาตกรรมที่เกิดขึ้นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของ Brookfield รัฐ Connecticut

ขอขอบคุณภาพจาก : historyvshollywood
วันรุ่งขึ้นหลังจากเกิดเหตุฆาตกรรมดังกล่าว ลอร์เรน วอร์เรน ได้แจ้งตำรวจ Brookfield ว่าอาร์นนี่ถูกปีศาจเข้าสิงขณะก่ออาชญากรรม ทนายความของอาร์นนี่ “มาร์ติน มินเนลลา” (Martin Minnella) ได้รับโทรศัพท์จากทั่วโลกเกี่ยวกับสิ่งที่เรียกว่า “การพิจารณาคดีฆาตกรรมปีศาจ” หรือ “Demon Murder Trial” มาร์ตินต้องเดินทางไปยังประเทศอังกฤษพื่อพบกับทนายความอีกคนหนึ่งซึ่งกำลังทำคดีที่คล้ายคลึงกันโดยที่ยังไม่ได้ไปขึ้นศาล เขาวางแผนที่จะบินพร้อมกับผู้เชี่ยวชาญด้านการไล่ผีจากประเทศยุโรป และขู่ว่าจะใช้หมายเรียกกับบาทหลวงที่ดูแลการไล่ผีของเดวิด หากพวกเขาไม่ร่วมมือกับฝ่ายจำเลย

ขอบคุณภาพจาก archives.law
การพิจารณาคดีเกิดขึ้นที่ศาลสูงสุดของรัฐ Connecticut’s ใน Danbury เริ่มเมื่อวันที่ 28 ตุลาคม ค.ศ. 1981 ทนายของอาร์นนี่ “มาร์ติน” พยายามที่จะยื่นคำให้การว่าอาร์นนี่ไม่มีความผิด แต่เขาถูกปีศาจเข้าครอบงำ ในตอนนั้น โรเบิร์ต กัลลาแฮน (Robert Callahan) ปฏิเสธคำแก้ต่างนี้ทันที โดยโรเบิร์ตแย้งว่าคำแก้ต่างดังกล่าวขาดหลักฐานที่น่าเชื่อถือ ไม่สมเหตุสมผล ไม่สัมพันธ์กัน และไม่เป็นวิทยาศาสตร์ ทนายฝ่ายจำเลย “มาร์ติน” จึงเลือกที่จะบอกเป็นนัยว่าอาร์นนี่กระทำการนี้เพียงเพื่อการป้องกันตัว

ขอขอบคุณภาพจาก : archives.law
การพิจารณาคดีของอาร์นนี่ได้กินเวลายาวนานถึง 15 ชั่วโมงในช่วง 3 วัน ก่อนจะมีการตัดสินโทษเขาในวันที่ 24 พฤศจิกายน ค.ศ. 1981 โดยคณะลูกขุนได้พิจารณาคดีแล้วว่าอาร์นนี่มีความผิดจริง ด้วยเหตุผลที่ว่า “การโต้แย้งของเขานั้นไร้เหตุผล และไร้ซึ่งหลักฐานที่น่าเชื่อถือ” ศาลจึงตัดสินให้เขามีความผิดจริง และถูกตัดสินให้จำคุก 5 ปี ในตอนแรกนั้น เขาเกือบจะถูกจำคุก 10-20 ปี แต่เนื่องจากนี่เป็นการฆาตกรรมครั้งแรกของเขา เขาจึงถูกตัดสินให้เหลือโทษจำคุกเพียง 5 ปี จาก 10-20 ปี อาร์นนี่แต่งงานกับเด็บบี้ขณะอยู่ในคุก และครองรักกันมาจวบจนกระทั่งปัจจุบัน แต่น่าเสียใจที่เด็บบี้ยอดรักของเขาได้ด่วนจากไปก่อนด้วยโรคมะเร็งในไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้

เหตุการณ์นี้นำไปสู่การสร้างภาพยนตร์โทรทัศน์เรื่อง The Demon Murder Case บน NBC สถานีแพร่สัญญาณแห่งชาติของสหรัฐอเมริกา และมีการเตรียมการสำหรับถ่ายทำภาพยนตร์สารคดี แต่การผลิตหยุดชะงักเนื่องจากความขัดแย้งกันเองภายใน

ขอขอบคุณภาพจาก : goodreads
ในปี 1983 เจอร์รัลด์ บริทเทิล (Gerald Brittle) ได้ร่วมมือกับลอร์เรน วอร์เรน ตีพิมพ์หนังสื่อเกี่ยวกับเหตุการณ์นี้ โดยใช้ชื่อว่า “The Devil in Connecticut Lorraine Warren” ทั้งสองได้แบ่งปันผลกำไรจากการขายหนังสือให้แก่ครอบครัวแกลตเซล และทาง iUniverse ผู้จัดพิมพ์หนังสือก็ได้จ่ายเงินเป็นจำนวน 2,000 ดอลล่าร์สหรัฐให้แก่ครอบครัวแกลตเซลอีกเช่นเดียวกัน
แต่เมื่อมีการตีพิมพ์หนังสือในปี 2006 คาร์ล แกลตเซล (Carl Glatzel Jr.) น้องชายของเดวิด และเดวิด ได้ฟ้องผู้แต่งและผู้จัดพิมพ์หนังสือเล่มนี้ เนื่องจากการละเมิดสิทธิ์ในความเป็นส่วนตัว การหมิ่นประมาท และการจงใจก่อให้เกิดความทุกข์ทางอารมณ์ โดยคาร์ลอ้างว่า หนังสือกล่าวหาว่าเขาก่ออาชญากรรมและยังทำร้ายครอบครัวของเขาเองและคนอื่น ๆ คาร์ลอ้างว่าเรื่องการถูกครอบงำโดยปีศาจของเดวิดเป็นเรื่องหลอกลวงโดย เอ็ด และลอร์เรน วอร์เรน เพื่อใช้แสวงหาผลประโยชน์จากครอบครัวของเขา หากินความเจ็บป่วยทางจิตของพี่ชาย (เดวิด) ของเขา และในหนังสือเล่มนี้นำเสนอให้เขาดูเป็นผู้ร้ายเพราะเขาไม่เชื่อในคำกล่าวอ้างเกี่ยวกับเรื่องเหนือธรรมชาติของ เอ็ดและลอร์เรน วอร์เรน

คาร์ลอ้างว่า พวกวอร์เรนสัญญากับครอบครัวของเขาว่าเรื่องนี้จะทำให้ครอบครัวของเขากลายเป็นเศรษฐี และพวกเขาจะช่วยพาอาร์นนี่ออกจากคุก แต่เหตุการณ์นี้ทำให้คาร์ลต้องลาออกจากโรงเรียน เขาสูญเสียเพื่อน และเสียโอกาสทางธุรกิจ และเมื่อหนังสือเล่มนี้ถูกตีพิมพ์ซ้ำอีกครั้งในปี 2006 คาร์ลออกมาบอกว่ามันเป็น “เรื่องโกหกที่สมบูรณ์แบบ” โดยเขายังกล่าวอีกด้วยว่า “พวกวอร์เรนแต่งเรื่องหลอกลวงเกี่ยวกับปีศาจ พวกเขาพยายามหาผลประโยชน์ที่จะรวยและมีชื่อเสียงจากการขายเรื่องราวของเรา”

ในทางกลับกัน ทั้งเด็บบี้และอาร์นนี่ ยังคงยืนยันว่าเรื่องที่เดวิดกับอาร์นนี่ถูกปีศาจเข้าสิงและครอบงำนั้นเป็นเรื่องจริง ทั้งคู่ได้ปรากฎตัวในรายการร่วมกับลอร์เรน วอร์เรน รายการดังกล่าวมีชื่อว่า A Haunting ชื่อ Episode : Where Demons Dwell ในขณะนั้นเดวิดยังเป็นเด็กอยู่ หลังจากที่เทปนั้นออกอากาศ เดวิดก็ได้ออกมาประนามพวกวอร์เรนว่าเป็นพวก “คนหลอกลวง”

โดย Carl Glatzel
ในปี 2007 คาร์ลเริ่มเขียนหนังสือชื่อ “Alone Through the Valley” เกี่ยวกับเหตุการณ์รอบ ๆ ตัวของเดวิด พี่ชายของเขา ส่วนลอร์เรน วอร์เรน ต้องการที่จะปกป้องงานของเธอและครอบครัว โดยเธออ้างว่ามีบาทหลวงหกคนที่ทำการไล่ผีให้เดวิด ที่ต่างก็เห็นพ้องต้องกันว่าเดวิดถูกเข้าสิงจริง
คุณบริตเทิล (Brittle) ผู้แต่งหนังสือ “The Devil in Connecticut Lorraine Warren” กล่าวว่าเขาเขียนหนังสือเล่มนี้ขึ้นมาเพราะ “ครอบครัวแกลตเซลเองที่ต้องการบอกเล่าเรื่องราวนี้” และเขายังบอกอีกว่า เขามีหลักฐานเป็นวีดีโอสัมภาณ์ครอบครัวนี้มากกว่า 100 ชั่วโมง และพวกเขายังได้ลงนามในหนังสืออย่างถูกต้องก่อนเรื่องราวนี้จะถูกตีพิมพ์
คาร์ล แกลตเซล และคุณพ่อ ปฏิเสธที่จะบอกผู้เขียนว่าลูกชายของเขา (เดวิด) ถูกครอบงำและถูกสิงโดยปีศาจ แต่อาร์นนี่และเด็บบี้ได้ออกมาสนับสนุนลอร์เรน วอร์เรนอย่างสุดหัวใจ ว่าเหตุการณ์ที่เดวิดถูกครอบงำและถูกสิงโดยปีศาจนั้นเป็นเรื่องจริง แต่ที่ครอบครัวแกลตเซิลบางคนมีปัญหาและออกมาฟ้องร้อง ก็เพียงเพื่อจุดประสงค์ทางการเงินเท่านั้น

ขอขอบคุณภาพจาก : theconjuring3movies
และในที่สุด คดี “Devil Made Me Do It Case” นี้ ก็ได้สร้างแรงบันดาลใจให้เกิดภาพยนตร์เรื่อง The Conjuring : The Devil Made Me Do It ในปี 2021
ชีวิตของพวกเขาในปัจจุบัน
อย่างที่ทราบกันไปแล้วว่าอาร์นนี่ได้ถูกศาลตัดสินโทษให้เขามีความผิดในข้อหาฆาตกรรม เมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน ค.ศ. 1981 เขาได้รับโทษจำคุก 5 ปีจาก 10-20 ปี ปัจจุบันอาร์นี่ยังคงมีชีวิตอยู่ เดวิดก็เช่นกัน แต่พวกเขาค่อนข้างมีมุมมองและความเห็นที่แตกต่างกันเกี่ยวกับเหตุการณ์นี้
คาร์ลและเดวิด แกลตเซล ตัดสินใจที่จะถอยห่างจากเหตุการณ์นี้ รวมถึงไม่สนใจเกี่ยวกับหนัง The Conjuring 3 ด้วย มีรายงานว่าปัจจุบันคาร์ลทำงานเป็นผู้รับเหมา เขาแต่งงานและใช้ชีวิตอย่างมีความสุข
เด็บบี้ แกลตเซล และอาร์นนี่ จอห์นสัน ก็ได้แต่งงานกันอย่างมีความสุขอีกเช่นเดียวกัน โดยเธอได้แต่งงานกับเขาขณะที่เขายังอยู่ในคุก ทั้งคู่มีลูกด้วยกันสองคน เด็บบี้ยังคงยืนยันเช่นเดิมว่าทั้งเดวิดและอาร์นนี่ ได้ถูกปีศาจเข้าสิงจริง
ส่วนอาร์นนี่เป็นนักโทษที่มีความประพฤติดี เขาได้รับการปล่อยตัวในปี ค.ศ. 1986 ปัจจุบันเขาทำงานเป็นนักภูมิทัศน์ ไม่ค่อยมีใครรู้จักอาร์นนี่มากนักในขณะนี้ และเรื่องน่าเสียใจก็คือ ไม่นานมานี้เด็บบี้สุดที่รักของเขา ได้เสียชีวิตลงอย่างน่าเศร้าด้วยโรคมะเร็ง
ลอร์เรน วอร์เรน กล่าวว่าทั้งอาร์นนี่ และเด็บบี้ มีส่วนเกี่ยวข้องกับภาพยนตร์ และพวกเขาสนับสนุนพวกวอร์เรนเป็นอย่างดี
สำหรับใครที่กำลังตัดสินใจว่าจะดู The Conjuring : The Devil Made Me Do It ดีไหม เราขอเชิญมาอ่านรีวิวประกอบการตัดสินใจก่อนได้ที่นี่ : รีวิว The Conjuring : The Devil Made Me Do It จากเรื่องจริงสู่หนังผี เดินเรื่องดี แม้ไม่ใช่หนังผีในแบบที่เราคุ้นเคย
ขอขอบคุณที่มา : archives.law | en.wikipedia.org | radiotimes.com | historyvshollywood.com