ชาบูชาบู vs สุกี้ยากี้ vs สุกี้ ต่างกันอย่างไร?

หลายคนคิดว่าการนำเนื้อสัตว์ลงไปต้มในหม้อต่างๆ น่าจะมีความเหมือนกันมากๆ แต่หารู้ไม่ ในความเป็นจริงแล้วมันมีรายละเอียดในการรับประทานที่ค่อนข้างจะต่างกันพอสมควร วันนี้ทีมงาน Review.co.th จะพาไปชมกันว่าแต่ละแบบนั้นมีความแตกต่างกันอย่างไร

ชาบูชาบู
ชาบูชาบูมาจากญี่ปุ่น น้ำชุปจะใช้น้ำซุปดาชิ เหมาะทานกับพวกหมูสไลซ์ หรือพวกซีฟู๊ด วิธีการทานใช้การจุ่มเนื้อสัตว์ให้สุก แล้วนำขึ้นมาโดยไม่ต้องแช่ค้างไว้ นิยมทานกับซอส ปอนซึ, ซอสงา และ สวีทโชยุ

สุกี้ยากี้
สุกี้ยากี้ก็เป็นการทานแบบญี่ปุ่นเช่นกัน หรือที่หลายๆ คนเรียกกันว่าน้ำดำนั้นเอง เป็นน้ำซุปโชยุแบบเข้มข้น ไม่สามารถซดทานได้ เหมาะกับอาหารรสเข้มอย่างเนื้อ เพราะจะช่วยกลบกลิ่นเนื้อ และชูรสของเนื้อขึ้นมาได้ หรือพวกผักและเส้นที่ต้องการรสชาติเพิ่มขึ้น การทานจะเหมือนชาบูชาบูคือจุ่มจนพอสุกสำหรับเนื้อสไลซ์ แต่ผักและเส้นต่างๆ จะแช่จนน้ำซุปเริ่มชึมเข้าเนื้อ นิยมทานคู่กับไข่ดิบ เพื่อตัดรสความเค็ม
ทั้งนี้ สุกี้ยากี้ หลายๆคนอีกรูปแบบนึงจะไม่เป็นน้ำชุป แต่จะใช้แค่ลักษณะของเป็นน้ำซอสแทน ด้วยการเริ่มผัดหอมใหญ่กับเนย แล้วเติมโชยุเข้าไป ในระดับคลุกคลิก

สุกี้
สุกี้เป็นการทานแบบไทยแท้ มักใช้น้ำซุปกระดูกหมู หรือ น้ำต้มผัก แต่ในยุคหลังเริ่มมีการประยุคนำน้ำซุปแบบใหม่ๆ เข้ามา เช่น น้ำซุปต้มยำ น้ำซุปหมาล่า เพื่อเป็นกิมมิคของแต่ละร้าน วิธีการทานจะโยนวัตถุดิบทุกอย่างลงไป รอจนสุกทีเดียว แล้วค่อยตักกิน พอทานเสร็จก็ตอกไข่ลงไปเพิ่มและใส่ข้าว ทำเป็นข้าวต้มปิดท้ายมื้ออย่างสวยงาม น้ำจิ้มนั้นจะใช้เป็น น้ำจิ้มสุกี้ ใส่กระเทียม พริก หนักๆ เพื่อเพิ่มรสชาติ

หลักๆแล้วการทานแบบญี่ปุ่นทั้ง ชาบูชาบู และ สุกี้ยากี้ จะเน้นการแกว่งสำหรับเนื้อสัตว์ เพราะร้านจะให้เนื้อแบบสไลซ์บางมากๆ ทำให้สุกง่าย เนื้อไม่แข็ง ส่วนสุกี้เน้นจะเน้นเนื้อนุ่มเสียมากกว่า เพื่อที่เวลาใส่ลงไปนานๆ เนื้อจะไม่กระด้าง
ทีมงาน Review.co.th

ใครที่ยังมีข้อสงสัยก่อนหน้านี้ ก็น่าจะคลายข้อสงสัยกันไปว่าระหว่าง 3 อย่างนั้นมีความแตกต่างกันอย่างไร แล้วเราชอบกินแบบไหน
