
ในการทำงานด้านวิดีโอ หลายคนจะนึกถึงแต่งานด้านภาพและหลงลืมด้านเสียงไป เสียงที่ดีจะทำให้วิดีโอเราน่าสนใจขึ้น โดยในวันนี้ผมจะมาแนะนำไมโครโฟนแบบ Wireless หรือไมโครโฟนไร้สาย เพราะครอบคลุมการทำงานในหลายสถานการณ์ พกพาสะดวก ไม่ยุ่งยาก ซึ่งไมค์ตัว Saramonic Blink 500 Pro เป็นอีกตัวที่น่าสนใจ
Saramonic Blink500 Pro มีให้เลือกทั้งหมด 3 เช็ตด้วยกัน
- Blink500 Pro B2 (LITE EDITION) มีไมโครโฟน 2 ชิ้น และ ตัวรับแบบไม่มีหน้าจอ 1 ชิ้น (7,990 บาท)
- Blink500 Pro B1 มีไมโครโฟน 1 ชิ้น และ ตัวรับ 1 ชิ้น (6,700 บาท)
- Blink500 Pro B2 มีไมโครโฟน 2 ชิ้น และ ตัวรับ 1 ชิ้น (9,900 บาท) “ตัวที่เราทำรีวิว”
สเปค Saramonic BLINK500 Pro
- ใช้คลื่น 2.4GHz เหมือนเดิมแต่พัฒนาการเชื่อมต่อที่ดีขึ้น และใช้งานได้ไกลสูงสุด 100 เมตร
- มีหน้าจอแสดงผล แสดงสถานะต่างๆชัดเจน และปรับต่างค่าได้ง่ายขึ้น ( รุ่น Lite Edition จะมีจอเฉพาะตัวรับ)
- พัฒนาตัวไมค์บิวอินใหม่ ให้คุณภาพดีขึ้น
- ใช้งานได้ยาวนานสูงสุด 8 ชั่วโมง ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง
- มาพร้อมกล่องที่เก็บแบตเตอรี่ในตัว สามารถชาร์จ Blink500Pro ได้เพียงวางลงกล่อง
- มีช่องเสียบหูฟังสำหรับมอนิเตอร์เสียง
- สามารถปรับ Output ได้ทั้ง Mono และ Stereo
ข้อแตกต่างจาก Saramonic Blink500 รุ่นเดิม
- แบตเตอรี่ใช้งานได้ 6 ชั่วโมงเพิ่มเป็น 8 ชั่วโมง
- มีกล่องที่เก็บแบตเตอรี่สำหรับชาร์จไฟและ Pair สัญญาณในตัว
- มีช่องเสียบหูฟัง
- หน้าจอบนตัวรับ และ ตัวส่ง (ยกเว้นรุ่น Lite)
- ส่งสัญญาณได้ไกลขึ้น สูงสุด 100 เมตร
กล่องชาร์จพร้อมเป็นที่เก็บในตัว
ตัวกล่องนั้นจะมีขนาดราวกระดาษ A6 สามารถใส่ทั้งตัวรับและตัวส่ง พร้อมชาร์จได้ในตัว ไม่ต้องไปชาร์จแยก

ด้านหน้ากล่องชาร์จมีหลอด LED บอกไฟที่เหลือในตัวกล่อง

ด้านหลังของกล่อง มีที่ชาร์จแบบ USB-C

Receiver ตัวรับมีจอภายในตัว
สิ่งที่แตกต่างจากรุ่นก่อนที่เห็นได้อย่างชัดเจนคือ Blink500 Pro ได้ทำการเพิ่มหน้าจอแสดงผลแบบขาวดำเข้ามา โดยหน้าจอตัวนี้จะเอาไว้บอกสถานะต่างๆ แจ้งความแรงของสัญญาณ และแบตเตอรี่ของทุกตัวที่กำลังเชื่อมต่อกันอยู่

ด้านซ้ายจะเป็นช่องชาร์จแบบ Micro USB และปุ่มสำหรับเช็ตค่าต่างๆ บนตัว Receiver

ด้านขวามีปุ่มสำหรับ เปิด-ปิด และจะแปลงร่างเป็นปุ่มปิดเสียงขณะกำลังใช้งานอยู่

ด้านล่างเป็นแบบคลิปหนีบ สามารถหนีบเข้ากับ Hot shoe บนกล้อง หรือตามขอบต่างๆก็ได้เช่นกัน

Line Out เป็นรูสำหรับต่อสายไปยังกล้องที่เราจะอัดวิดีโอ หรือ สมาร์ทโฟน และ มีช่องหูฟัง 3.5 มม. สำหรับเช็คเสียงขณะใช้งาน

ภายในกล่องจะมีสายสำหรับต่อมาให้ครบครัน ทั้ง TRS (2 ข้อ) สำหรับต่อกล้องเพื่อถ่ายวิดีโอ และ TRRS (3 ข้อ) สำหรับสมาร์ทโฟน มีมาให้ครบในกล่องไม่ต้องซื้อเพิ่ม พร้อมสายชาร์จทั้ง USB-C และ micro-USB

เมื่อใส่ Blink500 Pro กับกล้อง Sony A7C นั้นจะพบว่าตัวไมโครโฟนมีขนาดไม่ได้ใหญ่มาก เล็กกะทัดรัด การใช้นั้นก็ใช้การหนีบเข้าไปในตัวของ Hot Shoe ของกล้องเป็นวิธีที่สะดวกที่สุด
Transmitter – ตัวส่งสัญญาณ พร้อมไมโครโฟนในตัว
อย่างที่กล่าวไป รุ่นที่ทีมงานเอามาทำรีวิวนั้นก็คือ Blink500 Pro B2 ซึ่งจะมีตัว Transmitter ทั้งหมด 2 ตัว เพิ่มความสะดวกเวลามีพิธีกร 2 คน หรือเวลาต้องมีการสัมภาษณ์ ทั้งนี้หากเรามีพิธีกรพูดแค่คนเดียว เราก็สามารถเปิดใช้งานเพียงตัวเดียวได้
ด้านหน้าของตัว Transmitter นั้นจะมีหน้าจอมาแสดงผลเช่นกัน โดยจะบอกความแรงของสัญญาณ ปริมาณแบตเตอรี่ และภาพคลื่นเสียงสำหรับมอนิเตอร์เสียงแบบง่ายๆ

ด้านซ้ายเป็นที่เช็ตค่าต่างๆ พร้อมพอร์ตชาร์จไฟ Micro USB

ปุ่มสำหรับ เปิด-ปิด หรือเวลาใช้งานอยู่ เราก็สามารถกดปุ่ม Mute ได้

คลิปหนีบด้านหลัง สามารถหนีบปกเสื้อได้

ด้านบนเป็นที่อยู่ของไมโครโฟนแบบ Built-in ที่สามารถติดขนแมวกรองเสียงเข้าไปได้ด้วย ด้านข้างจะเป็นช่องเสียบไมโครโฟนแยกในกรณีที่ต้องการใช้ไมโครโฟนของเราเอง หรือใช้ไมโครโฟนแบบ Lavalier ที่แถมมาในกล่อง ซึ่งจะซ่อนตัวไมค์ไว้ตามขอบเสื้อผ้าหรือในเสื้อผ้าได้ง่ายกว่า

ฟังก์ชันการทำงาน
Saramonic Blink500 Pro เป็นไมโครโฟนที่ออกแบบให้สามารถใช้งานได้ง่าย ฉะนั้นฟังก์ชันต่างๆนั้นก็จะไม่ได้มีเยอะมากนัก แต่ก็เรียกได้ว่าครอบคลุมการใช้งานทั่วไป

ฟังก์ชันแรกที่ทีมงานอยากจะอธิบายนั้นก็คือ OutPut Mode ของเสียง ให้เราเลือกว่าเราจะตั้งให้เสียงไปเป็น Mono (เสียงรวมมาเป็นเส้นเดียว) หรือว่าจะเป็น Stereo แยกเสียงเป็น 2 เส้นซ้ายกับขวา
ทีมงานขออธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับโหมดสเตอริโอ คือถ้าเราใช้ไมค์เพียงตัวเดียว เสียงจะออกมาเพียงข้างเดียว แต่หากใช้ไมค์ 2 ตัว ไมค์แต่ละตัวจะถูกแยกเข้ามาคนละเส้นเสียง ทำให้สามารถมาตัดต่อเสียงภายหลังได้ง่ายขึ้น

ฟังก์ชันที่ 2 ก็คือ การเปลี่ยน Input เสียง เนื่องด้วยตัว Saramonic Blink500 Pro นั้นสามารถเสียบไมโครโฟนเพิ่มได้ เราก็สามารถเลือกได้ว่าจะเอาเสียงจากไมค์ Built-in หรือไมค์ภายนอก

สำหรับการทดลองใช้งานจริง ทีมงานได้ลองนำไมค์ตัวนี้ไปใช้ในหลายสถานการณ์ โดยเฉพาะสถานการณ์ที่มีเพียงสิ่งแวดล้อมเยอะๆ รวมถึงเสียงพูดอื่นๆ รบกวน ต้องบอกว่าเจ้า Blink500 Pro ช่วยจัดการเสียงเหล่านี้ได้อยู่หมัดแม้ใช้แค่ไมค์ Built-in ทำให้เสียงพูดของเราโดดเด่น และลดเสียงรบกวนต่างๆ ลง
สำหรับระยะในการใช้งาน ตรงนี้ทีมงานพบว่าบางครั้งก็ใช้ได้ค่อนข้างไกล เหมาะสมกับระยะที่เคลมมา แต่บางครั้งระยะใช้งานกับใกล้มาก ซึ่งทีมงานได้สอบถามเพิ่มเติมเกี่ยวกับประเด็นนี้ พบว่าระยะใช้งานขึ้นอยู่กับปริมาณแบตเตอรี่ด้วย หากแบตเตอรี่เหลือน้อยมากๆ อาจทำให้ความแรงของสัญญาณลดลง และแนะนำให้ทำการกด Pair ใหม่ทุกครั้งก่อนเริ่มใช้งาน เพราะตัวไมโครโฟนจะทำการเลือกช่องสัญญาณที่ดีที่สุด สัญญาณรบกวนน้อยที่สุดให้ครับ
ใครที่กำลังมองหาไมโครโฟนตัวใหม่ ที่เล็ก กะทัดรัด ก็ต้องบอกเลยว่า Saramonic Blink500 Pro เป็นทางเลือกที่น่าสนใจมากครับ เพราะมีขนาดเล็ก มีกล่องเก็บเป็นเซ็ตได้ ไม่รุงรัง ไมโครโฟนจากตัว Transmitter นั้นก็สามารถใช้งานทั่วไปได้สบาย
แต่อย่างไรแล้ว มีข้อดี ก็ต้องมีข้อเสีย เพราะตัวกล่องของ Saramonic BLINK500 Pro นั้นเมื่อเราใส่อุปกรณ์เข้าไปแล้ว มันจะไม่ได้ทำการปิดให้อัตโนมัติ ทำให้ในบางครั้งเราอาจจะลืมได้ และตัวกล่องที่ใส่นั้น จะไม่สามารถใส่อุปกรณ์เสริมอื่นๆอย่างเช่น Wind Muff หรือสายเชื่อมต่อได้ ทำให้เราต้องมีกล่องเก็บอุปกรณ์พวกนี้แยกอีก นับว่าเป็นเรื่องที่น่าเสียดายครับ