หลังจากสร้างชื่อไว้กับ HUAWEI FreeBuds 3 ทาง HUAWEI ก็หยุดนับเลขรุ่นชั่วคราว แล้วออก HUAWEI FreeBuds Pro รุ่นท็อปสุดโหดสมชื่อชั้น Pro มาในปีนี้ HUAWEI กลับมานับเลขรุ่นกันต่ออีกครั้งด้วย HUAWEI FreeBuds 4i รุ่นน้องเล็กในซีรีส์ i แต่ต้องบอกว่าความสามารถไม่เล็กตามเลย

จุดเด่นของ HUAWEI FreeBuds 4i
มองกันที่ความสามารถของรุ่นนี้ก็ต้องบอกว่าน้องๆ FreeBuds Pro เลย ไม่ว่าจะเป็นหูฟังแบบ In-ear ชนิด True Wireless มีระบบตัดเสียงรบกวน Active Noise Cancellation และ Awareness mode ดึงเสียงจากภายนอกให้เราได้ยินชัดเจนขึ้น แถมด้วยแบตเตอรี่ที่ชาร์จทีเดียวอยู่ได้ถึง 10 ชม.
งานดีไซน์เน้นเบา พกง่าย
ด้านการดีไซน์จะมาสไตล์คล้ายก้อนหินสไตล์เดียวกับ FreeBuds 3 แต่มีน้ำหนักที่เบาและขนาดเล็กกว่าครับ เป็นพลาสติกทั้งชิ้นตามสไตล์รุ่นเล็ก มีไฟแสดงสถานะอยู่ด้านหน้า พอร์ตชาร์จไฟเป็นพอร์ต USB-C และตัวนี้จะไม่มีชาร์จไร้สายเหมือนรุ่นพี่

อีกจุดที่อยากให้สังเกตคือบริเวณฝาพับของรุ่นพี่อย่าง FreeBuds 3 และ FreeBuds Pro จะเป็นโลหะ แต่ตัวนี้จะเป็นพลาสติกล้วนครับ ถึงอย่างนั้นก็ยังแข็งแรงอยู๋ครับ

ตัวฝามีสปริงทำให้เวลาเปิดแล้วฝาไม่ปิดลงมาเอง ตัวหูฟังสามารถหยิบออกจากเคสได้ง่ายๆ

สำหรับตัวหูฟังเองจะมีดีไซน์ที่คล้ายกับ HUAWEI FreeBuds Pro แต่มีขนาดที่เล็กกว่าและเบากว่าครับ โดยเฉพาะบริเวณหูที่มีการปรับเปลี่ยนดีไซน์ให้เล็กลง ทำให้บุคคลที่มีหูเล็กใส่สบายกว่ารุ่นพี่ครับ ของรุ่นพี่บางคนใส่แล้วจะรู้สึกอึดอัดนิดนึง
การเชื่อมต่อและใช้งาน
การเชื่อมต่อกับมือถือ ทำโดยการเปิดฝาเคสแล้วกดปุ่มที่ด้านข้างเคสค้างไว้จนไฟสถานะเปลี่ยนเป็นสีขาวกะพริบ (ปุ่มจะค่อนข้างเนียนไปกับเคส ต้องเล็งนิดนึง) แล้วเชื่อมต่อผ่าน Bluetooth ปกติเลย การเชื่อมต่อจะเชื่อมต่อผ่าน Bluetooth 5.2 ใช้ Codec AAC, SBC

การตั้งค่าหูฟังจะทำผ่านแอป AI Life แอปตัวนี้ใน Google Play จะใช้ไม่ได้แล้วนะครับ ผู้ใช้มือถือ HUAWEI สามารถดาวน์โหลดได้จาก AppGallery ส่วนยี่ห้ออื่นๆ สามารถดาวน์โหลด APK มาติดตั้งได้ครับ ส่วน iPhone จะไม่มีแอปตัวนี้ให้ใช้ครับ คือสามารถเชื่อมต่อหูฟังเพื่อใช้งานได้ แต่หากต้องการตั้งค่าหูฟังหรืออัปเดตเฟอร์มแวร์จะต้องทำใน Android เท่านั้น (อัปเดตล่าสุดเห็นว่าของ iPhone มีแล้วครับ แต่ตัวผมยังไม่ได้ทดลอง เดี๋ยวจะมาอัปเดตเพิ่มเติมกันอีกทีครับ)

การสั่งงานของหูฟังทำได้โดยการทัชที่ตัวหูฟัง โดยสามารถสั่งงานได้ 3 แบบ
- แตะ 2 ครั้งที่หูฟังข้างซ้าย
- แตะ 2 ครั้งที่หูฟังข้างขวา
- แตะค้างที่หูฟังข้างไหนก็ได้
สำหรับการแตะ 2 ครั้งสามารถตั้งค่าให้หยุด/เล่นเพลง ข้ามเพลง เรียกผู้ช่วยส่วนตัวได้ ส่วนการแตะค้างใช้สำหรับสลับโหมดการตัดเสียงรบกวนครับ
ประสิทธิภาพระบบตัดเสียงรบกวน
สำหรับใครที่ไม่รู้จักระบบตัดเสียงรบกวน Active Noise Cancellation ระบบนี้จะใช้ไมค์ที่ตัวหูฟังรับเสียงจากภายนอก จากนั้นสร้างเสียงที่เป็นขั้วตรงข้ามออกมาเพื่อให้เสียงหักล้างกันครับ ทำให้เวลาเราใส่หูฟัง เราจะได้ยินเสียงจากภายนอกน้อยลงอย่างชัดเจน ให้เราดื่มด่ำกับเสียงเพลงเหมือนนั่งฟังอยู่ในบ้านเงียบๆ แม้จริงๆ เราจะกำลังเดินอยู่ในห้างสรรพสินค้าที่เสียงดังสุดๆ หรืออยู่บนรถเมล รถไฟ เครื่องบิน ก็ตาม
ต้องเข้าใจก่อนว่าโหมดตัดเสียงรบกวนไม่ได้ดีเยี่ยมถึงขนาดตัดได้เงียบกริบอยู่แล้วครับ แต่จะทำให้เสียงเบาลงมากๆ จากเสียงรถยนต์ดังๆ อาจเหลือแค่เสียงฮัมเบาๆ แทน สำหรับเจ้า HUAWEI FreeBuds 4i ที่ใช้ระบบไมค์ข้างละ 2 ตัวก็ต้องบอกว่าการตัดเสียงรบกวนทำได้ดีระดับหนึ่งเลยครับ ถ้าให้เทียบคือทำได้ดีกว่า HUAWEI FreeBuds 3 แต่ยังสู้รุ่นพี่อย่าง HUAWEI FreeBuds Pro ไม่ได้

การคุยโทรศัพท์
ด้วยระบบไมค์แบบ 2 ตัวก็เรียกว่าคุยโทรศัพท์ได้ชัดเจนดีครับ ช่วยตัดเสียงรบกวนได้พอสมควร แต่แน่นอนว่าสู้รุ่นพี่อย่าง FreeBuds 3 และ FreeBuds Pro ไม่ได้ครับ
เสียง
ระบบเสียงของตัวนี้ผมเริ่มจากทดสอบการดีเลย์ของเสียงด้วยการใส่เล่นเกมก่อนเลย ซึ่งผลที่ออกมาน่าประทับใจครับ ใช้ใส่เล่นเกมได้สบายๆ เลย ส่วนความไพเราะของเสียงก็เรียกว่าทำได้ดีเลยครับ เสียงค่อนข้างออกมาสมดุล ฟังเพลงได้หลากหลายแนวครับ ไม่เน้นแนวใดเป็นพิเศษ

แบตเตอรี่
ต้องบอกว่าทำมาได้สะใจมาก เพราะชาร์จครั้งเดียวใช้ได้ยาวๆ 10 ชม. ไม่ต้องชาร์จบ่อยๆ เลย ถ้าชาร์จกับเคสจะอยู่ได้นาน 22 ชม.
สรุป HUAWEI FreeBuds 4i ดีไหม เหมาะกับใคร
เป็นหูฟังที่ผมประทับใจทีเดียวครับ ความสามารถอยู่ในเกณฑ์ปานกลางค่อนไปทางดีในทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นด้านเสียง การตัดเสียงรบกวน และการโทรศัพท์ ที่ชอบเป็นพิเศษก็หนีไม่พ้นแบตเตอรี่ที่ใช้ได้ยาวๆ ครับ ตัวนี้ผมว่าเหมาะสำหรับคนที่หาหูฟังไว้ใส่ตอนเดินทางหรือฟังเพลงระหว่างทำงานครับ
ราคาและโปรโมชัน
HUAWEI FreeBuds 4i เปิดตัวที่ราคา 2,799 บาท สำหรับผู้ที่ซื้อภายในวันที่ 15 เมษายน รับฟรี เคสหูฟังและสมาร์ทแบนด์ Mi Smart Band 4C
