Samsung ถือเป็นแบรนด์อันดับหนึ่งในตลาด Android เสมอมา แต่ช่วงปีหลังๆ เริ่มมีสั่นคลอนเมื่อเจอแบรนด์จีนรุกหนัก และชิปเซ็ต Exynos ก็สูญเสียความเชื่อมั่นจากผู้ใช้ไปพอสมควร ซึ่ง Samsung เองก็ไม่อยู่เฉย เร่งพัฒนาชิปเซ็ต Exynos ดึงนักพัฒนาเก่งๆ มาเสริมทัพ จนออกมาเป็นชิปเซ็ต Exynos 2100 ที่สเปคและความสามารถบนหน้ากระดาษถือว่าน่าสนใจมาก อีกส่วนคือกล้องที่ Samsung ที่คุณภาพไม่สามารถเกาะกลุ่มผู้นำได้ สำหรับ Samsung Galxy S21 ถือว่าเป็นรุ่นที่ Samsung ตั้งใจทำเป็นพิเศษเพื่อปกป้องความเป็นที่หนึ่งของตัวเอง และซื้อใจผู้ใช้กลับมาอีกครั้ง ซึ่งต้องบอกว่าทำได้ดีมากๆ ครับ
โดยบทความนี้ผมจะเน้นเล่าประสบการณ์หลังได้ลองใช้เป็นเวลาสั้นๆ ประมาณ 1 ชม. ตามคอนเซ็ปต์ #เล่าหลังลอง ส่วนใครที่อยากทราบสเปคต่างๆ ดูได้ตามภาพด้านล่างนี้เลยครับ

ดีไซน์ของจริงสวยกว่าในรูป
สำหรับ Samsung Galaxy S21 ที่มีการปรับเปลี่ยนดีไซน์ใหม่ แม้ในรูปอาจจะดูแปลกๆ แต่ต้องบอกว่าของจริงค่อนข้างสวยทีเดียว สำหรับ Galaxy S21 และ Galaxy S21+ มีดีไซน์ที่เหมือนกัน ต่างกันแค่ขนาด ใช้หน้าจอแบบแบนซึ่งน่าจะถูกใจใครหลายๆ คน และมีสีสันที่ค่อนข้างสวยงาม ส่วนวัสดุฝาหลังที่ต่างกัน (Galaxy S21 ใช้ Glastic ส่วน Galaxy S21+ ใช้ Gorilla Victus) เนื้อสัมผัสและหน้าตาแทบไม่แตกต่างกัน แต่เรื่องการป้องกันรอยขีดข่วนนั้นต่างกันอย่างแน่นอน
ส่วน Galaxy S21 Ultra รุ่นพี่ตัวท็อป ให้ความรู้สึกแบบใหญ่ไปหมด ตัวเครื่องหนาและหนักอย่างชัดเจน บริเวณกล้องมีขนาดใหญ่ เวลาถือแล้วสัมผัสได้ถึงความหนัก หน้าจอเป็นหน้าจอแบบขอบโค้ง ขนาดเครื่องถือว่ามีความใกล้เคียงกับ Galaxy S21+ มาก สามารถนำเคสของ Galaxy S21 Ultra ไปใส่เครื่อง Galaxy S21+ ได้แทบจะพอดีกันเลย
หน้าจอสวย ลื่นไหล สู้แสงได้ดีมาก
ไม่ต้องพูดกันเยอะเรื่องหน้าจอของ Samsung เพราะเขาเป็นที่หนึ่งในตลาดระดับที่แบรนด์อื่นต้องมาซื้อของเค้าไปใช้อยู่แล้ว สำหรับหน้าจอใน Galaxy S21 ทั้งสามรุ่นเป็นหน้าจอชนิด Dynamic AMOLED 2X รีเฟรชเรท 120Hz แบบ Adaptive (ปรับอัตโนมัติตามคอนเทนต์บนหน้าจอ) แสดงผลได้สวยงามมากๆ และที่สำคัญคือมันสู้แสงได้ดีมากๆ โดยนำหน้าจอไปส่องกับสปอทไลต์ตรงๆ ก็ยังเห็นคอนเทนต์ต่างๆ ที่แสดงบนหน้าจอได้อย่างชัดเจน
กล้องที่จับภาพได้เหมือนที่เห็นบนหน้าจอ
สำหรับกล้องมีสิ่งที่ประทับใจมากๆ คือการถ่ายรูปที่ให้ผลลัพธ์เหมือนที่แสดงผลบนจอ ซึ่งตรงนี้หลายๆ รุ่นไม่สามารถทำได้ ทำให้เวลากดถ่ายภาพเราอาจต้องเสียเวลามาเช็คผลลัพธ์กันอีกรอบว่าออกมาเป็นไปตามที่ต้องการไหม และการถ่ายภาพในที่แสงน้อยก็ทำได้ดีมากๆ แบบไม่ต้องคอยลุ้น ในสภาวะแสงส่วนใหญ่คือใช้โหมด Auto ในการถ่ายก็ออกมาสวยเลยครับ
อีกโหมดที่ได้รับการปรับปรุงคือ Single Take ที่ใช้การบันทึกภาพและวิดีโอประมาณ 5-10 วินาที และตัวเครื่องจะทำการเลือกรูปและวิดีโอที่น่าสนใจออกมาให้เราพร้อมปรับแต่ง ใส่ฟิลเตอร์ให้เราอย่างเสร็จสรรพ รุ่นก่อนๆ มักมีปัญหาคือผลลัพธ์อาจไม่ออกมาตามแบบที่เราต้องการ และภาพนิ่งมักจะให้คุณภาพที่แย่กว่าการใช้โหมด Auto สำหรับ Galaxy S21 แก้ปัญหานี้ด้วยการเลือกรูปแบบภาพหรือวิดีโอผลลัพธ์ได้แล้วว่าต้องการแบบไหนบ้าง และคุณภาพที่ได้เรียกว่าแทบไม่แตกต่างจากการใช้โหมด Auto ปกติเลย
โหมดหน้าชัดหลังเบลอให้ผลลัพธ์ที่ดีมากๆ
อีกจุดที่ได้รับการพัฒนาคือโหมดถ่ายภาพแบบหน้าชัดหลังเบลอ ที่ปกติ Samsung ใช้ชื่อโหมดว่า Live Focus แต่ดูเหมือนชื่อจะสร้างความงุนงงให้กับผู้ใช้ใหม่ ทำให้ Samsung ตัดสินใจเปลี่ยนชื่อเป็น Portrait mode เพื่อความเข้าใจง่าย แม้ฟีเจอร์ในการทำหน้าชัดหลังเบลอของ Samsung จะไม่ค่อยหลากหลายเท่าไหร่ แต่ต้องบอกเลยว่าผลลัพธ์ที่ได้ทำออกมาได้ดีมาก ตัดขอบแม่นยำ เบลอสวยงาม ดูไม่หลอกตา
การซูมที่ง่ายขึ้น
การซูมมีการปรับปรุงคือเราสามารถซูมและกดล็อกมุมมองได้ ทำให้ถ่ายง่ายขึ้นเยอะ สำหรับ Galaxy S21 Ultra ที่มีกล้องซูมมาให้ถึง 2 ตัว คือ 3X และ 10X ต้องบอกว่าผลลัพธ์ดีกว่ารุ่นเก่าแบบก้าวกระโดดเลยทีเดียว แต่สำหรับ Galaxy S21 และ Galaxy S21+ ที่ยังใช้การครอปเซ็นเซอร์ต้องบอกว่าผลลัพธ์ยังไม่น่าประทับใจนักสำหรับเรือธง

กล้องวิดีโอที่ดียิ่งกว่าเดิม
เป็นอีกส่วนที่ไม่ต้องพูดมาก เพราะเป็นจุดเด่นของ Samsung เสมอมา นั่นก็คือการถ่ายวิดีโอครับ เรื่องคุณภาพคือดีกว่าเดิมเสียอีก โดยเฉพาะการถ่ายวิดีโอแบบ HDR ที่แก้ปัญหาเรื่องแสงแตกต่างกันเยอะๆ ได้แบบอยู่หมัด
ส่วนที่น่าสนใจจริงๆ ในโหมดวิดีโอคือ Director View ที่ทำออกมาตอบโจทย์ชาว Content Creator ได้อย่างดี โดยอาศัยความสามารถของชิปเซ็ต Exynos 2100 ทำให้กล้องทำงานพร้อมกันได้ถึง 4 ตัว ไม่ว่าจะเป็นการถ่ายแบบ 2 กล้องหน้าหลังพร้อมกัน เหมาะสำหรับการถ่าย VLOG แบบเห็น Reaction หรือจะเป็นการสัมภาษณ์ก็ได้ และการสลับกล้องไปมาระหว่างถ่ายสามารถดูภาพพรีวิวล่วงหน้าจอกล้องแต่ละตัวได้จากบนหน้าจอเลย คือสะดวกมากๆ สามารถถ่ายออกมายาวๆ เป็นไฟล์เดียวเพื่อเอามาตัดต่อทีหลังได้แบบง่ายๆ

ไม่ร้อนแล้ว
สุดยอดคำถามของหลายๆ คนคือ “ยังร้อนลวกมืออยู่ไหม?” เรื่องความร้อนถือเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้สมาร์ทโฟน Samsung ไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควรในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมานี้เลย สำหรับ Samsung Galaxy S21 หลังจากทดสอบกล้องไปเรื่อยๆ ร่วมๆ 40 นาทีได้ ต้องบอกว่าเป็นสมาร์ทโฟนที่ควบคุมความร้อนได้ดีกว่าเดิมมากๆ แน่นอนว่าการใช้กล้องเยอะขนาดนี้ย่อมผลิตความร้อนออกมาอย่างแน่นอน โดยเฉพาะการใช้งาน Director mode ที่ใช้พลังงานและสร้างความร้อนมากเป็นพิเศษ แต่ต้องบอกว่าความร้อนที่เกิดขึ้นอยู่ในเกณฑ์ปกติครับ ไม่ได้ร้อนเกินไปแบบรุ่นที่ผ่านๆ มา สามารถใช้งานได้ยาวๆ ไม่มีช้า ไม่มีประสิทธิภาพตก ทั้งนี้ทั้งนั้น ด้วยเวลาที่จำกัดทำให้ยังไม่ได้ลองใช้งานด้านเล่นเกมหรืออะไรพวกนี้ครับ

UI ยังต้องมีการปรับปรุง
ด้วยฟีเจอร์ที่เพิ่มเข้ามา ทำให้ UI บางส่วนยังไม่ลงตัว และมีปัญหาการใช้งานบ้างบางครั้ง เช่น การล็อกซูมที่บางครั้งพอกดไปกลับกลายเป็นวัดแสง ณ จุดนั้นแทน หรือการกดเปิดพรีวิวกล้องใน Director Mode ที่กดแล้วบางครั้งภาพพรีวิวไม่แสดงออกมา ซึ่งตรงนี้ามารถแก้ไขผ่านการอัปเดตซอฟต์แวร์ได้ครับ

สรุป Samsung Galaxy S21 ดีไหม เหมาะกับใคร
จากการได้ทดลองใช้ในระยะสั้นๆ ต้องบอกว่าเป็นสมาร์ทโฟนที่พัฒนาด้านการถ่ายรูปได้ดีกว่าเดิมมากๆ ที่สำคัญคือไม่ร้อนแล้ว เหมาะสำหรับคนที่เน้นใช้กล้องในการทำงาน โดยเฉพาะชาว Content Creator ครับ
